วิธีพัฒนาศักยภาพร่างกายและสมองของลูกน้อย

นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ หัวหน้าหน่วยพัฒนาการเด็กและวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ได้แนะนำวิธีการดูแลลูกให้เติบโตอย่างมีอัจฉริยะภาพรอบด้านว่า การเสริมสร้างลูกน้อยให้มีพัฒนาการที่ดีนั้น จำเป็นจะต้องเริ่มจากการพัฒนาสมองอย่างถูกวิธี เพราะสมองเป็นศูนย์กลางการควบคุมอัจฉริยะภาพด้านต่างๆ โดยเฉพาะในช่วง 3 ขวบปีแรก สมองของเด็กจะสร้างเครือข่ายเส้นใยประสาทและจุดเชื่อมต่อมากมาย ซึ่งจะเติบโตอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 80 ดังนั้นเด็กๆ ควรได้รับสารอาหารที่สำคัญต่อการพัฒนาการอย่างเพียงพอและหลากหลาย ทั้งสารอาหารสมองดีเอชเอ(DHA) และเออาร์เอ(ARA) ซึ่งจะส่งผลไปสู่การเชื่อมต่อของเซลล์สมองที่มีผลต่อการเรียนรู้ของเด็กได้ดีมากขึ้น

นอกจากนี้ การฝึกทักษะการเรียนรู้ก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของเด็ก พ่อแม่จึงควรเน้นการฝึกทักษะ 4 ด้าน ได้แก่ ด้านการเรียนรู้ การเคลื่อนไหว การสื่อสาร และด้านอารมณ์ โดยในระยะ 0-6 เดือนแรกเด็กจะยังคงจำกัดการมองเห็นได่ไม่ไกลนัก จึงจำเป็นต้องฝึกด้วยการนำวัตถุมาวางใกล้ๆ และเมื่ออายุได้ 6 เดือน เด็กจะเข้าสู่วัยจดจำ การพูดคุยจะทำให้เด็กจำคำศัพท์ได้มากขึ้น

ทั้งนี้เด็กทารกจะสามารถสื่อสารด้วยการแสดงอารมณ์ขั้นพื้นที่ฐานได้ เช่น การร้องไห้เมื่อหิวหรือง่วงนอน การยิ้ม หัวเราะ เมื่อมีความสุข เป็นต้น แต่เมื่ออายุ 1-3 ขวบ เด็กจะเข้าสู่วัยเตาะแตะ มีพฤติกรรมต่อต้าน จะไม่ทำตามคำพูดของใคร จะปฏิเสธเมื่อมีคนขอให้ทำอะไรบางอย่าง รวมทั้งงอแงเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งพ่อแม่ต้องเตรียมการรับมืออย่างถูกต้อง อธิบายด้วยคำพูดที่นิ่มนวล มีเหตุผล และอาจปฏิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง

อย่างไรก็ตาม นายแพทย์พงษ์ศักดิ์ ยังแนะนำว่า นอกจากการได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนจะมีส่วนคุณประโยชน์ต่อพัฒนาการของเด็กแล้ว แต่พ่อแม่ควรเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายเด็กด้วยนมวันละ 2-3 แก้ว

ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์, ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น:

Share SHARE
"อโรคยา ปรมาลาภา ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" บล๊อกนี้จะให้ความรู้เกี่ยวกับการรักษาสุขภาพ ความรู้เกี่ยวกับโรคต่างๆ ตลอดจนแนวทางการรักษา ขอขอบคุณทุกท่านที่มาเยี่ยมชม แนะนำ/ติชม กันได้ที่ payao1971@gmail.com

"I hope you are enjoying good health."